ในสมัยรัชกาลที่สอง เป็นระยะฟื้นฟูการกวีและการละครทั้งละครในละครนอก
เมื่อรัชกาลที่ ๑ นั้น ละครหลวงเล่นกันเฉพาะเรื่องอิเหนา และอุณรุท ซึ่งเป็นเรื่องสำหรับละครใน ส่วนละครนอกที่เล่นกันนอกวังและใช้ผู้ชายเป็นตัวแสดง แสดงเรื่องตั้งแต่ครั้งกรุงเก่า ซึ่งในพระนิพนธ์สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เรื่องตำนานละครอิเหนา ท่านว่า บทละครนอกครั้งกรุงเก่า คือ
กรุงศรีอยุธยานั้นมีฉบับอยู่ในหอพระสมุด ด้วยกัน ๑๙ เรื่อง ทว่าไม่บริบูรณ์เลยสักเรื่องเดียว คือ
เรื่องการเกษ (หรือการะเกด) ๑ คาวี ๑ ไชยทัต ๑ พิกุลทอง ๑ พิมพ์สวรรค์ ๑ พิณสุริวงศ์ ๑ นางมโนราห์ ๑ โม่งป่า ๑ มณีพิไชย ๑ สังข์ทอง ๑ สังข์ศิลป์ไชย ๑ สุวรรณศิลป์ ๑ สุวรรณหงส์ ๑ โสวัต ๑ ไกรทอง ๑ โคบุตร ๑ ไชยเชษฐ์ ๑ พระรถ ๑ เรืองศิลป์สุริวงศ์ ๑
ละครนอกในสมัยรัชกาลที่ ๑ นั้นคงจะเล่นกันในแบบที่ว่าจดจำบทกลอนของเก่าที่เคยเล่นกันมาแต่ครั้งกรุงเก่า และบางตอนก็อาจผูกกลอนสดขึ้นมาแต่งเติมเอง
จนกระทั่งถึงรัชกาลที่ ๒ จึงได้โปรดฯให้ฟื้นฟูการละครเป็นการใหญ่ทั้งละครในและละครนอก
สำหรับละครนอก พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯทรงเลือกเรื่องละครนอก เฉพาะตอนที่น่าเล่นละคร มาทรงพระราชนิพนธ์บทใหม่ให้ละครหลวงเล่น ๕ เรื่อง คือเรื่อง สังข์ทอง ไชยเชษฐ์ มณีพิไชย ไกรทอง และคาวี
ในการที่ทรงพระราชนิพนธ์บทละครนั้น ทรงเลือกสรรเจ้านายและข้าราชการที่เป็นกวีชำนาญกลอนไว้สำหรับทรงปรึกษา ส่วนมากแล้วจะทรงพระราชนิพนธ์เอง หากตรงไหนที่จะไม่ทรงพระราชนิพนธ์เอง ก็พระราชทานให้กวีที่ปรึกษานั้นรับตัดตอนไปแต่ง ทั้งที่ทรงพระราชนิพนธ์แล้วก็ดี หรือกวีที่ได้รับไปแล้วแต่งแล้วก็ดี จะนำมาอ่านหน้าพระที่นั่งในที่ประชุมกวีให้ช่วยกันแก้ไข้อีกชั้นหนึ่ง
แต่เฉพาะเรื่องสังข์ศิลป์ไชยนั้น พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ แต่ครั้งยังทรงพระอิสริยยศ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ทรงพระราชนิพนธ์ถวายโดยลำพังพระองค์เอง
สำหรับพระองค์เจ้าทินกร (ทรงกรมเป็นกรมหมื่นภูวเนตรนรินทร์ฤทธิ์ ในรัชกาลที่ ๔) ก็ทรงนิพนธ์เรื่องมณีพิไชย แต่ลำพังพระองค์เองเช่นกัน ทรงนิพนธ์ตั้งแต่ตอนต้น ตั้งแต่นางเกษณี ธิดาท้าววรกรรณ เลือกคู่ได้พระอินทร์ พระอินทร์พาเหาะไปอยู่ด้วยกันบนสวรรค์ จนมีพระธิดาชื่อยอพระกลิ่น จึงนำไปฝากไว้ในปล้องไม้ไผ่ พระมณีพิไชยมาพบเข้าพาไปอภิเษกเป็นชายา นางจันทร ชนนีพระมณีพิไชยเกลียดนาง จึงกลั่นแกล้งใส่ความว่านางกินแมว พระมณีพิไชยยอมให้นางจันทรจับนางยอพระกลิ่นใส่หีบไปทิ้งในป่า
พระนิพนธ์ของกรมหลวงภูวเนตรฯ จบถึงแค่นี้
ส่วนพระราชนิพนธ์ใน พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ จับตั้งแต่ นางยอพระกลิ่นปลอมเป็นพราหมณ์ ขอพระมณีพิไชยไปเป็นทาส นำไปอยู่ด้วยกันในป่า และยั่วเย้าพระมณีพิไชย
ในรัชกาลที่ ๒ กรมหลวงภูวเนตรฯ คงจะยังไม่มีละครในวังของท่าน จนกระทั่งถึงรัชกาลที่ ๓ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯไม่โปรดเรื่องละคร ละครหลวงจึงเลิกราไปตลอดรัชกาล แต่กลับออกมาเฟื่องฟูตามวังเจ้านายตลอดจนขุนนางคหบดี เพราะถึงแม้จะไม่โปรด ก็มิได้ทรงหวงห้ามผู้อื่นมิให้มีละคร บางพระองค์บางท่านจึงแอบมีละครผู้หญิงตามแบบอย่างละครหลวงซึ่งพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯก็คงจะทรงทราบอยู่ แต่อาจจะทรงทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเสีย ไม่ทรงห้ามปรามโดยพระราชานุภาพ
เรื่องละครผู้หญิงนอกวังหลวง แต่มามีในวังเจ้านายนี้ ยืนยันได้ เพราะกรมหมื่นภูมินทรภักดี พระราชโอรสรุ่นใหญ่พระองค์หนึ่งใน พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ ก็ทรงมีละครของท่าน และทรงรับนางละครเอก ธิดาผู้มีตระกูลท่านหนึ่งเป็นหม่อม
ส่วนกรมหลวงภูวเนตรนรินทร์ฤทธิ์ เมื่อในรัชกาลที่ ๓ ก็ทรงมีละครของท่านเช่นกัน ว่ากันว่าละครของท่านหัดรำตามแบบอย่างละครหลวง เช่นท่านผู้อื่น แต่โปรดทรงเรื่องละครนอก จึงทรงแต่งบทละครนอกขึ้นอีก ๓ เรื่อง
คือ สุวรรณหงส์ ๑ นางแก้วหน้าม้า ๑ และนางกุลา ๑
ปรากฏว่า บทละครนอกของ พระองค์เจ้าทินกร หรือกรมหลวงภูวเนตรนรินทร์ฤทธิ์ เป็นที่แพร่หลายมากจนถึงบัดนี้ ไม่ว่าเรื่องนางแก้วหน้าม้า มณีพิไชย (นางยอพระกลิ่น) สุวรรณหงส์ นางกุลา ละครนอก หรือที่เรียกกันว่าละครชาตรี นิยมเล่นกันมาก ไม่แพ้เรื่องสังข์ทอง ไชยเชษฐ์ หลวิชัยคาวี และไกรทอง
บทละครนอกที่เป็นบทพระราชนิพนธ์ หรือพระนิพนธ์นั้น ส่วนมากบทด่าทอ หึงหวง หรือบทที่เรียกกันว่าอย่างตลาดๆ นั้น มักจะ “เบา” ว่าตามสำนวนก็คือไม่ถึงอกถึงใจ
แต่สำหรับเรื่องมณีพิไชย พระนิพนธ์ของกรมหลวงภูวเนตรฯ ตอนนางจันทรด่าทอนางยอพระกลิ่น ทั้งดุเด็ดเผ็ดมัน แสบสัน และมีสำนวนโวหารขันๆ คนส่วนมากคงจะไม่มีโอกาสได้อ่านเหมือนวรรณคดีที่แพร่หลายทั่วๆ ไปอย่างขุนช้างขุนแผน สังข์ทอง อิเหนา ไกรทอง ฯลฯ มักดูเอาจากละครนอก หรือจากจอโทรทัศน์เสียมากกว่า
เนื้อเรื่อง
ท้าววรกรรณ และ พระนางบุษบง ได้จัดงานเลือกคู่พระธิดา ชื่อ เกศนี มีราชา และเจ้าชายจากต่างเมือง มาเลือกคู่มากมาย และนางกลับเลือกชายที่สติไม่เต็ม ท้าววรกรรณจึงขับไล่ออกนอกวัง ชายบ้าใบ้จึงคืนร่างกลายเป็นพระอินทร์ดังเดิม และพานางเกศนีขึ้นไปอยู่บนสวรรค์จนมีลูก แต่ทวยเทพจะมีลูกไม่ได้ผิดธรรมเนียม จึงนำลูกที่ชื่อยอพระกลิ่นมาไว้ในปล้องไผ่ จึงเสกของอำนวยความสะดวกให้แก่ยอพระกลิ่นจนโตเป็นสาว ทำให้ปล้องไผ่นั้นหอมอบอวล
มณีพิชัย โอรสท้าวพิไชยนุราช และ นางจันทร แห่งกรุงอยุธยาได้ออกมาเที่ยว ได้กลื่อนจากปล้องไผ่ จึงใช้ดาบฟันปล้องไผ่ และปรากฏร่างหญิงสาว ชื่อ ยอพระกลิ่น จึงพยรักกัน และได้พานางเข้าวัง และบอกกับเสด็จพ่อเสด็จแม่ว่า ยอพระกลิ่นเป็น ชายา(เมีย) ของตนท้าวพิไชยนุราชสุดแสนดีใจ แต่ฝ่ายแม่นั้นไซร้ เกลียดซังนางยอกพระกลิ่นอย่างยิ่ง เพราะ ลูกของตนได้หมั้นหมายกับองค์หญิงแห่งกรุงจีนไปแล้ว กลับพานางยอพระกลิ่นแล้วมาบอกว่าเป็นเมียเสียนี่
มณีพิชัย โอรสท้าวพิไชยนุราช และ นางจันทร แห่งกรุงอยุธยาได้ออกมาเที่ยว ได้กลื่อนจากปล้องไผ่ จึงใช้ดาบฟันปล้องไผ่ และปรากฏร่างหญิงสาว ชื่อ ยอพระกลิ่น จึงพยรักกัน และได้พานางเข้าวัง และบอกกับเสด็จพ่อเสด็จแม่ว่า ยอพระกลิ่นเป็น ชายา(เมีย) ของตนท้าวพิไชยนุราชสุดแสนดีใจ แต่ฝ่ายแม่นั้นไซร้ เกลียดซังนางยอกพระกลิ่นอย่างยิ่ง เพราะ ลูกของตนได้หมั้นหมายกับองค์หญิงแห่งกรุงจีนไปแล้ว กลับพานางยอพระกลิ่นแล้วมาบอกว่าเป็นเมียเสียนี่
วันหนึ่งนางคิดแกล้งจึงบอกสาวใช้เอาเลือดแมวและศพแมวไปทิ้งไว้ในห้องยอพระกลิ่น รุ่งขึ้น นางจันทรจึงบอกกับท้าวพิไชยนุราชว่า นางยอพระกลิ่นเป็นกระสือ ให้ไล่ออกไป เพราะหลักฐานและพยานหนาแน่นนางยอพระกลิ่นจึงถูกขับไล่ออกจากวัง และพ่อของยอพระกลิ่น ได้ลงมาบอกให้ลูกสาวแปลงกายเป็นพราหมณ์ รอแก้แค้นอยู่ที่อาศรมริมสระน้ำนี่
วันหนึ่งนางจันทรมาอาบน้ำที่สระได้ถูกงูผิดที่แอบอยู่กับดอกบัวกัด นางเจ็บปวดแทบขาดใจกระเซอะกระเซิง เข้าวัง พราหมณ์ก็ได้ตามไปด้วยพร้อมกับบอกให้นางจันทรว่าจะรักษาพิษงูให้ หากนางยอมบอกความจริงว่ายอพระกลิ่นไม่ได้กินแมวนางรักษาให้ แต่หากไม่ยอมบอกจะปล่อยให้ตายนางจึงเล่าความจริงให้ฟัง และพอรักษาพิษงูได้ พราหมณ์ก็เอ่ยปากขอมณีพิชัยไปเป็นทาสสักระยะหนึ่งราชาก็ตกลง
มณีพิชัยอยู่รับใช้พราหมณ์ที่อาศรมเป็นเวลานานหลายเดือน ถึงแม้พราหมณ์ยอพระกลิ่นจะแปลงกายเป็นสาวสวยมาลวงล่อให้หลงรัก แต่มณีพิชัยก็ไม่ชายตาแล พราหมณ์ยอพระกลิ่นเห็นว่า ผัวของตนซื่อสัตย์กับตนเองจึงคืนมณีพิชัยให้แก่เมืองอยุธยาดังเดิม
ทางกรุงจีนเมืองปักกิ่งได้เร่งรัดให้ทางเมืองอยุธยามาแต่งงานองค์หญิงเล็กเร็วๆสักที เจ้าชายมณีพิชัยจึงต้องไปอภิเษกกลัวจะเกิดสงครามใหญ่ พราหมณ์ยอพระกลิ่นจึงขอตามไปด้วย พอไปถึงเจ้ากรุงจีนได้ทราบว่ามณีพิชัยได้มีชายาแล้วจึงแกล้งให้มณีพิชัยยกขันหมากมา 1,000 ชุด หากไม่ได้จะถูกประหาร ทั้งสองจึงหนีหลงเข้าไปในเมืองยักษ์ สลบไร้สติเพราะมนต์แห่งเมืองยักษ์ นางวาสันจึงจับมณีพิชัยไปให้นางผกาลูกสาวที่ตำหนัก จนพราหมณ์ฟื้นเห็นนางผกาอยู่กับผัวของตนที่ตำหนัก ก็พร่ำรำพันต่างๆนานา แล้วก็แปลงกายเป็นนางยอพระกลิ่นดังเดิมจนหมดสติไปอีก พระอินทร์จึงต้องมาแก้ไขเรื่องราวแล้วเหาะมาส่งที่เมืองอยุธยา ทั้งสองจึงจัดงานอภิเษกที่ยิ่งใหญ่ และครองรักกันอย่างมีความสุข ตราบฟ้าดินมลาย
ข้อคิด
- อุปสรรคใดก็ผ่านพ้นได้ หากเรามีความพยายาม
- อุปสรรคใดก็ผ่านพ้นได้ หากเรามีความพยายาม
ฉึก
ตอบลบๆ
D
อะ